หลักการนำเสนอผลงาน
ในหน่วยการเรียนรู้นี้จะกล่าวถึงการนำเสนอผลงานโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่หาได้ทั่วไป
การนำเสนอผลงานมีวัตถุประสงค์คือ
1. ให้ผู้ชมเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอ
2. ให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ
ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อถือในผลงานที่นำเสนอ
หลักการขั้นพื้นฐานของการนำเสนอผลงานมีจุดเน้นสำคัญคือ
1.1 การดึงดูดความสนใจ โดยการออกแบบให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวนมอง
และมีความสบายตาสบายใจเมื่อมอง ดังนั้นการเลือกองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สีพื้น แบบ
สีและ ขนาดของตัวอักษร
รูปประกอบ ฯลฯ ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้
1.2
ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหา ส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน
ส่วนที่เป็นภาพประกอบต้องมีส่วนสัมผัสอย่างสร้างสรรค์กับข้อความที่ต้องการสื่อความหมาย
การใช้ภาพประกอบมีประโยชน์มาก
1.3 ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย การสร้างจุดเน้นต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น กลุ่มหมายเป็นเด็กการ
ใช้สีสด ๆ และภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม
แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมาย
เครื่องมือที่ใช้ในการนำเนอผลงาน
ก่อนยุคคอมพิวเตอร์
การนำเสนอผลงานในที่ประชุมสัมมนามักจะใช้เครื่องมือสองอย่างคือ เครื่องฉายสไลด์ (Slide
projector) และเครื่องฉายแผ่นใส(Overheard
projector) การใช้งานเครื่องฉายสไลด์ค่อนข้างยุ่งยาก
เพราะต้องใช้กล้องถ่ายรูปใส่ฟิล์มพิเศษที่ล้างออกมาแล้วเป็นภาพสำหรับฉายโดยเฉพาะ
และต้องนำฟิล์มนั้นมาตัดใส่กรอบพิเศษจึงจะนำมาเข้าเครื่องฉายได้
ข้อดีของการฉายสไลด์คือได้ภาพที่สวยงามและชัดเจนแต่ข้อเสียคือต้องฉายในห้องที่มืดมาก
รูปแบบการนำเสนอผลงาน
ในหัวข้อนี้
จะกล่าวถึงรูปแบบการนำเสนอผลงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ รูปแบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมี
2 รูปแบบ คือ
1. การนำเสนอแบบ Slide
Presentation
1.1 โดยใช้โปรแกรม Power
Point
เป็นโปรแกรมนำเสนอผลผลงานในชุด Microsoft
Office เป็นโปรแกรมที่ใช้ง่ายมากมีแม่แบบ (Template)
ให้เลือกใช้หลายแบบ
โปรแกรมนำเสนอผลงาน (power Point) จัดลำดับความสำคัญของข้อความ โดยการย่อหน้า
นอกจากข้อความแล้วอาจใช้
ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพประกอบ และอาจมีการแต่งแต้มสีสัน ทั้งสีพื้น
สีของตัวอักษร และรูปแบบฟอร์มของตัวอักษรได้ด้วย
การนำเสนอในรูปแบบ Presentation โดยใช้โปรแกรม PowerPoint นี้
สามารถทำให้มีลักษณะของการเชื่อมโยงคล้าย ไฮเปอร์เทกซ์ (Hypertext) ของ Web page ได้ ทั้งนี้
โดยใช้การเชื่อมโยงหลายมิติที่มีอยู่ในชุดโปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิศ
1.2 โดยใช้โปรแกรม ProShow
Gold
โปรแกรม Proshow
Gold คือ
โปรแกรมสำหรับเรียงลำดับภาพเพื่อนำเสนอแบบมัลติมีเดีย
ที่มีความสามารถสร้างผลงานได้ในระดับมืออาชีพ ด้วยเทคนิคพิเศษมากมาย ใช้งานง่าย
เหมาะสมต่อการนำเสนอสื่อ การเรียนการสอน การแนะนำอัตชีวประวัติ
สามารถเขียนชิ้นงานออกมาในรูปแบบของวีซีดีได้อย่างรวดเร็ว
การเตรียมข้อมูลของภาพและเพลงต่าง ๆ
ก่อนที่จะเริ่มติดตั้งและใช้งาน
1. ProShow Gold
เป็นซอฟต์แวร์สําหรับสร้างแผ่น VCD จากรูปภาพต่าง
ๆ
ที่ทํางานได้รวดเร็วหลายคนคงจะมีไฟล์รูปภาพต่างๆเก็บสะสมไว้และเมื่อต้องการที่จะนําเอาภาพเหล่านั้นมาแปลงให้อยู่ในรูปแบบของแผ่น VCDที่สามารถนําเอาไปใช้เป็นกับเครื่องเล่นVCDทั่วไปได้ ProShow
Gold เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถนําเอาภาพมาทําเป็นแผ่น VCDโดยที่สามารถทําการแปลงได้อย่างรวดเร็วและยังใส่เสียงเพลงประกอบได้ด้วย
การใช้งาน โปรแกรม ProShow
Gold มีขั้นตอนดังนี้
1. เริ่มที่ Main Menu เป็นตัวเมนูหลักสําหรับควบคุมและทํางานของโปรแกรม
2. การเข้าสู่โปรแกรมเราสามารถ คลิกที่ Icon บน Desktop เพื่อเข้าใช้งานโปรแกรมได้
3. หน้าจอจะแสดงการเข้าสู่โปรแกรม
4. เมื่อเข้าสู่โปรแกรมครั้งแรกโปรแกรมจะให้ใส่ Activate
Registration จากนั้นเราก็กดที่ปุ่ม Activate
Registration
การเข้าสู่โปรแกรมครั้งแรก ProShow
Gold
การแทรกภาพในชิ้นงาน ProShow
Gold มีขั้นตอนดังนี้
1.สามารถเลือกที่อยู่ของไฟล์ต่างๆที่จะนำมาใช้ในชิ้นงานของได้โดยไปที่ Folders
List ด้านซ้ายมือเพื่อเลือกตำแหน่งที่อยู่ของไฟล์งาน
2.เมื่อได้ตำแหน่งที่ต้องการแล้วให้เลือกข้อมูลที่ต้องการโดยลากไฟล์งานเข้ามาไว้ในไลด์บนหน้าจอ
3. เมื่อได้ตำแหน่งที่ต้องการแล้ว
การใส่ข้อความในสไลด์ ซึ่งจะได้ข้อความตามที่ต้องการ ในครั้งนี้สามารถ ใส่เสียง, ใส่ Effects ในรูปแบบที่ต้องการ
แสดง Effects ต่างๆของโปรแกรม ProShow
Gold
สุดท้าย ในการเปลี่ยนเวลาในสไลด์
แต่ละช่วงเวลาที่ต้องการ สามารถแก้ไขได้ รวมถึงการเขียนชิ้นงานลงแผ่นซีดี ได้เลย
ซึ่งสามารถนำเสนอในรูปแบบของ vcd ได้สมบูรณ์ในการทำงาน
โปรแกรม Flip Album
โปรแกรม Flip Album 6 Pro เป็นโปรแกรมลักษณะของโปรแกรมสำเร็จรูป
โดยโปรแกรมชุด FilpAlbumเป็นโปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book ซึ่ง อีบุ๊ค” (eBook, EBook, e-Book) เป็นคำภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากคำว่าelectronic book หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจัดทำขึ้นด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ หรือ
หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และ
สามารถอ่านได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์เหมือนเปิดอ่านจากหนังสือโดยตรงที่เป็นกระดาษ
แต่ไม่มีการเข้าเล่ม เหมือนหนังสือที่เป็นกระดาษ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
มีความสามารถมากมายคือ มีการเชื่อมโยง (Link) กับ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มอื่นๆ ได้

ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์
ในปัจจุบันมี 2 ประเภทคือ
ซอฟต์แวร์สำหรับการเขียนข้อมูลให้ออกมาเป็น E-Book และ ซอฟต์แวร์สำหรับการอ่านมีอยู่หลายโปรแกรม
แต่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ได้แก่
1. โปรแกรมชุด FilpAlbum
2. โปรแกรม DeskTop Author
3. โปรแกรม Flip Flash Album
ชุดโปรแกรมทั้ง 3
จะต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับอ่าน e-Book ด้วย มิฉะนั้นแล้วจะเปิดเอกสารไม่ได้ ประกอบด้วย
1.1 โปรแกรมชุด FlipAlbum ตัวอ่านคือ FilpViewer
1.2 โปรแกรมชุด DeskTop Author ตัวอ่านคือ DNL
Reader
1.3 โปรแกรมชุด Flip Flash Album ตัวอ่านคือ Flash
Player

FlipAlbum
ลักษณะไฟล์ของ Electronic
Book
HTML เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดงานประเภทนี้จะมีนามสกุลของไฟล์หลายๆ
แบบเช่น .htmหรือ .html เป็นต้น
สาเหตุหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุดนั้นมาจากบราวเซอร์สำหรับเข้าชมเว็บต่าง ๆ เช่น Internet
Explorer หรือ Netscape Communication ที่ใช้กันทั่วโลกสามารถอ่านไฟล์ HTML ได้
สำหรับไฟล์ XML ก็มีลักษณะเดียวกับไฟล์ HTML นั่นเอง
PDF
Portable หรือ Document Format ถูกพัฒนาโดย Adobe System Inc เพื่อจัดการเอกสารให้อยู่ใน
รูปแบบที่เหมือนเอกสารพร้อมพิมพ์
ไฟล์ประเภทนี้สามารถอ่านได้โดยระบบปฏิบัติการจํานวนมากและรวมถึง อุปกรณ์ E-Book
Reader ของ Adobe ด้วย
PML พัฒนาโดย Peanut Press เพื่อใช้สําหรับสร้าง E-Books โดยเฉพาะอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่ สนับสนุนไฟล์ประเภท PML นี้จะสนับสนุนไฟล์นามสกุล .PDF ด้วย (หมายเหตุ ข้อมูลจาก www.j-joy.co.th)
วิธีการที่ใช้กับการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) ด้วยโปรแกรมในตระกูล Flip
Album
1. เตรียมความพร้อมเพื่อการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2.
ทำความรู้จักกับโปรแกรม Flip Album 6 Pro ผู้ใช้งานจะต้องติดตั้งตัวโปรแกรม (install)
ลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ใช้งานอาจเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะส่วนบุคคล (Personal
Computer) หรือเครื่องพกพาแบบโน๊ตบุ๊ค (Note Book) ก็ได้ ขณะปฏิบัติการงานสร้างนั้น
คอมพิวเตอร์ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อระบบเครือข่ายก็ได้
3. การติดตั้งโปรแกรม Flip Album 6 Pro
4. การเข้าสู่โปรแกรม Flip
Album 6 Pro การเข้าสู่โปรแกรมมีวิธีการหลัก
2 วิธี คือ 1.) เข้าโดย Dubble Click ที่รูปภาพหนังสือสีแดงบนหน้า Desktop หรือ 2.) เข้าโดย Click ที่ปุ่ม Start/Program/E-Book
Sytems/FlipAlbum 6 Pro/FlipAlbum Pro
5. การสร้างสรรค์งานโปรแกรม Flip
Album 6 Pro ซึ่งสามารถมีการเพิ่มหน้าหนังสือแบบอัตโนมัติ
ตัวอย่างคำสั่งการเพิ่มหน้าหนังสือจำนวนหลายๆ
หน้า แบบอัตโนมัติ
6. การนำเข้าข้อมูลจากภาพกราฟิค
(Digital Pictures) การนำเข้าข้อความมาจัดพิมพ์ใส่ในหนังสือ
รวมถึงการนำเข้าข้อความจาก Microsoft Word และ PowerPoint มาสร้าง e-book
7. การนำไฟล์ PDF มาสร้าง e-book การตกแต่งหนังสือ (Set
Book Option) การแทรกภาพนิ่ง (Insert Clip Art)
การจัดทำไฟล์วีดิทัศน์ (Video)
รูปแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
Computer Assisted Instruction CAI คือ
โปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่มีหน้าที่เป็นสื่อการเรียนการสอนเหมือนแผ่นใส (Transparent) สไลด์ (Slide) หรือวีดีทัศน์ (Video) ที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน
เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายในเวลาอันจำกัด และตรงตามวัตถุประสงค์ของบทเรียนนั้น ๆ
แต่เนื่องจากโปรแกรมเรียนคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ได้ครบทุกสื่อในเวลาเดียวและควบคุมการนำเสนอได้ด้วยตัวเอง
เรียกว่า “สื่ออเนกทัศน์” หรือ “ มัลติมีเดีย” (Multimedia) ทำให้ประหยัดและมีประสิทธิภาพสรุปได้ว่า CAI คือ
- เป็นสื่อการเรียนการสอน
ช่วยผู้สอนทำการสอน
- เนื้อหาในโปรแกรมจะเป็นหน่วย
ๆ ตามบทเรียนนั้น ๆ
- ผู้เรียนสามารถนำไปทบทวนเนื้อหา
ศึกษาด้วยตนเอง
- ผู้สอนผู้สอน
หรือผู้มีประสบการณ์ในเนื้อหาวิชานั้น ๆ จะทำได้ดีที่สุด
การจัดทำ CAI ที่ดีนั้น
ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ
1. นักวิชาการ (Academic
Expert)
2. นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Programmer)
3. นักสร้างสรรค์ (Producer)
4. นักศิลปะ (Artist)
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน Computer
Assisted Instruction หมายถึง การจัดการเรียนรู้โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เป็นกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนที่อาศัยคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงมาประยุกต์ใช้เป็นสื่อหรือเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้โดยจัดเนื้อหาสาระหรือประสบการณ์สำหรับให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
ประโยชน์ของการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการเรียนรู้
1. ใช้เพื่อจัดการในชั้นเรียน (Classroom
Management) เช่น
- เก็บข้อมูลสถิติรวมทั้งระเบียนสะสมของผู้เรียนเพื่อให้การช่วยเหลือเด็กเป็นรายบุคคล
- ใช้ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
- เตรียมงานด้านการสอน
เช่น ใบความรู้ ใบงาน ข้อทดสอบ ฯลฯ
- สร้างเครือข่ายฐานข้อมูลผู้เรียน
เช่น แฟ้มสะสมงานผู้เรียน (Electronic portfolio)ฯลฯ
2. ใช้ในการจัดการเรียนการสอน (Instruction) เช่น
การนำเสนอผลงาน (Presentation)ของผู้สอน
- ในลักษณะสื่อประสม (Multimedia) เพื่อให้เกิดความตื่นเต้นเร้าความสนใจ เช่น เสียงเพลง ภาพเคลื่อนไหวในวีดีโอ กราฟสถิติ
รูปภาพ/ภาพถ่าย ฯลฯ
- ในลักษณะการจำลองสถานการณ์หรือการจำลองแบบ (Simulation) ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจได้ง่าย
การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปใช้เป็นเครื่องมือช่วยสอน (Computer Assisted Instruction: CAI)
โดยคอมพิวเตอร์เป็นสื่อหรือช่องทางในการนำเสนอเนื้อหาซึ่งอาจเป็นกิจกรรมในรูปแบบต่างๆโดยมุ่งให้ผู้เรียนได้ศึกษาเนื้อหาด้วยตัวเอง ตามความพร้อมและความสนใจของผู้เรียนเป็นหลักการพิจารณาดังนี้
1. ต้องมีเนื้อหาสาระ มีการเรียบเรียงเป็นอย่างดี
2. ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
3. สามารถตอบโต้หรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับผู้เรียน
4. สามารถให้ป้อนกลับได้ทันที

การใช้โปรแกรม Author
ware
Author ware เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่นิยมนำมาสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมากที่สุด
เพราะเนื่องจากว่า เข้าใจง่าย มีการเขียนโปรแกรมที่ใช้ง่าย

ทำความรู้จักกับส่วนต่างๆ ของโปรแกรม Authorware
4
โปรแกรม Authorware มีส่วนประกอบหลัก
ๆอยู่ 5 ส่วนด้วยกันคือ
1. แถบชื่อ (Title Bar) จะอยู่บนสุดถ้าเป็นของโปรแกรมจะมีชื่อว่า Authorware แต่ถ้าเป็นโปรแกรมที่ท่านตั้งชื่อแล้ว
จะปรากฏในแถบ Title Bar นี้ด้วย
2. แถบเมนู (Menu Bar) อยู่รองลงมา
จะมีเมนูอยู่บนแถบนี้ 10 เมนูแต่ละตัวจะมีเมนูย่อยเป็นแบบ Pull
Down Menu
3. แถบไอคอน (Icon Bar) จะเป็นรูปไอคอนต่าง
ๆ โดยเอาคำสั่งจากเมนูย่อยของแถบเมนูคำสั่งที่ใช้บ่อย ๆ
มาทำเป็นไอคอนเพื่อความสะดวกในการเรียกใช้งาน
4. ไอคอนพาเลตต์ (Icon Palette) เป็นแถบไอคอนเครื่องมือ (Tools) เรียงตามแนวตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของจอ
5. หน้าต่างออกแบบ (Design
Window) เป็นหน้าจอว่าง ๆ มีเส้น FLOW
LINE 1 เส้นเพื่อเตรียมให้ท่านออกแบบงาน
ใช้เมาส์ลากขอบหน้าต่างนี้เข้าออก เป็นการย่อและขยายหน้าต่าง
บนแถบหัวของหน้าต่างออกแบบ จะมีชื่อเป็น Untitle-1 ให้ก่อน
จนกว่าจะบันทึก (Save) งาน
แล้วตั้งชื่อใหม่บนแถบหัวนี้จะเป็นชื่อที่ตั้งไว้
การใช้ระบบจัดการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ Moodle
Moodle ย่อมาจาก Modular
Object-Oriented Dynamic Learning Environment คือ
ระบบจัดการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ให้มีบรรยากาศเหมือน เรียนในห้องเรียน
หรือเรียกว่าLMS (Learning Management System) หรือระบบจัดคอร์สการเรียนการสอน CMS(Course
Management System ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต
การติดตั้งโปรแกรม Moodle
ความสามารถของ moodle
1. เป็นโปรแกรมจัดการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ประเภทฟรีแวร์ ที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลก
2. สามารถเป็นได้ทั้ง CMS
(Course Management System) และ LMS (Learning Management System) ช่วยรวบรวมวิชาเป็นหมวดหมู่
เผยแพร่เนื้อหา ของผู้สอน พร้อมบริการให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษา
และบันทึกกิจกรรมของผู้เรียน
3. สามารถสร้างแหล่งข้อมูลใหม่
หรือเผยแพร่เอกสารที่ทำไว้ เช่น Microsoft Office, Web Page, PDF หรือ Image เป็นต้น
4.
มีระบบติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน เพื่อนร่วมชั้น และผู้สอน
5.
มีระบบแบบทดสอบ รับการบ้าน และกิจกรรม ที่รองรับระบบ ให้คะแนนที่หลากหลาย
ให้ส่งงาน ให้ทำแบบฝึกหัด ตรวจให้คะแนนแล้ว export ไป excel
6. สำรองข้อมูลเป็น
. zip แฟ้มเดียว
ในอนาคตสามารถนำไปกู้คืน ลงไปในเครื่องใดก็ได้ ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ Moodle
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับ Moodle
1. ผู้ดูแลระบบ (Admin)
: ติดตั้งระบบ บำรุงรักษา กำหนดค่าเริ่มต้น
และกำหนด สิทธ์การเป็นผู้สอน
2. ผู้สอน (Teacher)
: เพิ่มแหล่งข้อมูล เพิ่มกิจกรรม ให้คะแนน
ตรวจสอบกิจกรรมผู้เรียน ตอบคำถาม และติดต่อสื่อสาร
3. ผู้เรียน (Student)
: เข้าศึกษาแหล่งข้อมูล และทำกิจกรรม ตามแผนการสอน
4. ผู้เยี่ยมชม (Guest)
: เข้าเรียนได้เฉพาะวิชาที่อนุญาต และจำกัดสิทธ์
ในการทำกิจกรรม
รูปแบบ Social Network
Social network หมายถึง
สังคมออนไลน์ที่จะช่วยหาเพื่อนบนโลกอินเทอร์เน็ตได้ง่ายๆ
สามารถที่จะสร้างพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมา และได้ทำความรู้จักกับเพื่อนหรือคนอื่นๆ และยังสามารถแนะนำตัวเองได้เช่น Hi5,
Friendster, MySpace, FaceBook, Orkut, Bebo, Blog,Tagged เป็นต้น
เว็บไซต์ Social Network เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเว็บที่สร้างขึ้นมาเพื่อการตอบสนองความต้องการในการติดต่อธุรกิจหรือหาเพื่อนบนโลกไซเบอร์ทั้งสิ้น
ดังที่พบได้ในปัจจุบัน ซึ่งมีความนิยมเป็นอย่างมากในโลกของอินเทอร์เน็ต
การใช้ Social Network เพื่อการเรียนการสอน
1. การใช้เว็บบล็อก
(Weblog) เพื่อการเรียนการสอน
Blog มาจากคำว่า World Wide Web ซึ่งหมายถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกันไปทั่วโลกกับคำว่า log แปลว่า บันทึก รวมกันเป็น Weblog (เว็บบล็อก)
การสร้างสรรค์เว็บบล็อกให้สวยงาม
เนื่องจากเว็บบล็อกได้รับความนิยมสูงทั่วโลกจึงมีหลายบริษัทที่คิดค้นสร้างสรรค์องค์ประกอบต่างๆ
ที่ใช้ในการตกแต่งเว็บบล็อกให้สวยงาม โดยการเขียนโค้ชหรือสคริปต์ต่างๆ เช่น คน
การ์ตูน สัตว์ พืช ดอกไม้ สิ่งของต่างๆ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้สำหรับบริการกลุ่มเป้าหมายให้สามารถนำไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรมแต่อย่างใด
ช่วยให้การสร้างสรรค์เว็บบล็อกสะดวกและง่ายขึ้นเพียงแต่เว็บบล็อกล้วนแต่สร้างผลงานให้มีลักษณะสวยงาม
แปลกตา น่าสนใจ
วัตถุประสงค์การใช้เว็บบล็อก (Weblog) เพื่อการเรียนการสอน
การใช้เว็บบล็อกเพื่อการเรียนการสอนมีวัตถุประสงค์
ดังนี้
1. เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน
2. เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมเนื้อหา
3. เพื่อเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลอื่น
4. เพื่อการติดตามการปฏิบัติงานของผู้เรียน
5. เพื่อเป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงานของผู้เรียน
6. เพื่อเป็นสื่อเชื่อมโยงในการศึกษาค้นคว้ากับเว็บไซต์อื่นๆ
7. เพื่อความสนุกเพลิดเพลินของผู้เรียน
8. เพื่อฝึกทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ในการแสวงหาแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ประโยชน์ของ Weblog
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง
ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก
และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
1. เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น
ความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คน สาธารณะได้รับรู้
2. เป็นเครื่องมือช่วยในด้านธุรกิจ
เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร
การเสนอตัวอย่างสินค้า การขายสินค้า และการทำการตลาดออนไลน์ เป็นต้น
3. เป็นแหล่งความรู้ใหม่ๆ
ที่ถูกต้องและชัดเจน จากผู้มีความรู้เฉพาะด้านนั้นๆ เนื่องจากผู้เขียน Blogมักจะเขียนถึงเรื่องที่ตัวเองถนัด ชอบ และมีความรู้ลึกในเรื่องนั้นๆ
การค้นหาข้อมูลเฉพาะด้านใน Blog ต่างๆ
จึงทำให้เราค้นพบความรู้ และผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
4. ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน
เพราะข่าวสารความรู้ มาจากผู้คนมากมาย(ทั่วโลก)
และมักจะเปลี่ยนแปลงได้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันเสมอ
5. ไม่ต้องใช้ความรู้ทางคอมพิวเตอร์ชั้นสูงก็สามารถทำได้
6. ไม่ต้องขอพื้นที่บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเหมือนเว็บไซต์ทั่วไป
7. สามารถบรรจุภาพนิ่ง
เสียง และภาพเคลื่อนไหวเหมือนเว็บไซต์ทั่วไปได้
8. สามารถใช้งานหรือปรับแต่งให้สวยงามได้ด้วยตนเอง
นำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนได้ดี
9. สำหรับ Weblog ของ Blogger สามารถบรรจุบทความได้มากถึง
999 บทความ
10. สามารถสร้างสรรค์องค์ประกอบต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์กับการทำงานได้หลายอย่าง เช่น ตัวเลขนับผู้ชม (counter) กระดานข่าว (web board) สไลด์(slides) คลิปวีดิทัศน์ (video clip) เป็นต้น
11.สามารถเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่น ๆ ได้ตามต้องการ
ส่วนประกอบของบล็อก
เว็บบล็อกของ Blogger มีส่วนประกอบสำคัญ
3 ส่วนได้แก่
1. ส่วนหัวบล็อก
2. ส่วนบทความ
3. ส่วนปรับแต่ง
2. การนำเสนอแบบ Web page
เป็นรูปแบบที่การนำเสนอแบบเดียวกับที่ใช้บนอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันนิยมใช้ในรูปแบบนี้มากขึ้นในการนำเสนอต่อที่ประชุม เว็บเบราเซอร์ (Web
browser) เป็นโปรแกรมที่ใช้แสดงผล
ส่วนโปรแกรมที่ใช้สร้างเวบเพจหรือแต่ละหน้านั้นมีวิธีทำได้หลายวิธีตั้งแต่วิธีดั้งเดิมที่สุดคือการเขียนด้วยภาษา HTML
(Hypertext Markup Language) หรือใช้โปรแกรมประเภท Software
tool
Word Press คืออะไร
Word press คือโปรแกรมชนิดหนึ่ง ที่มีระบบในการช่วยจัดการเนื้อหาบนเว็บ ได้อย่างง่าย หรือที่หลายๆ คนใช้คำว่า Contents Management System (CMS) ซึ่งจริงๆ แล้ว โปรแกรมประเภท CMS มีมากมาย
อย่างเช่นPHP Nuke, Joomla, Mambo, OScommerce, Magento เป็นต้น
Wordpress เป็น CMS ประเภท Blog ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยภาษา PHP และทำงานบนฐานข้อมูล MySQLภายในสัญญาอนุญาตใช้งานแบบ General Public
License (GNU) มีเวปไซต์หลักอยู่ที่http://www.wordpress.org และมี free hosting สำหรับขอรับบริการฟรีที่ http://www.wordpress.com
Wordpress เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่าย สำหรับคนที่ต้องการมีบล็อกส่วนตัว เป็นที่โปรแกรมที่นิยมกันทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย นอกจากการติดตั้งง่ายแล้ว Word press ยังมีข้อดีก็คือ สามารถหาดาวน์โหลดธีม (Themes) หรือหน้าตาของเว็บ รูปแบบต่างๆ ที่เหมาะกับความต้องการ รวมทั้งปลั๊กอิน (Plugins) เสริมอื่นๆ
Wordpress เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่าย สำหรับคนที่ต้องการมีบล็อกส่วนตัว เป็นที่โปรแกรมที่นิยมกันทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย นอกจากการติดตั้งง่ายแล้ว Word press ยังมีข้อดีก็คือ สามารถหาดาวน์โหลดธีม (Themes) หรือหน้าตาของเว็บ รูปแบบต่างๆ ที่เหมาะกับความต้องการ รวมทั้งปลั๊กอิน (Plugins) เสริมอื่นๆ
สรุปสาระสำคัญ
การนำเสนองานมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจสาระสำคัญของการนำเสนอ
และให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อถือในผลงานที่นำเสนอ
การใช้สื่อ โสตทัศนศึกษาช่วยให้เกิดการรับรู้ช่วยให้เกิดการรับรู้ที่ดีขึ้น
รวมทั้งช่วยให้จดจำเนื้อหาได้มากขึ้น ทั้งนี้
หลักการขั้นพื้นฐานของการนำเสนอผลงานมีจุดเน้นสำคัญคือ การดึงดูดความสนใจ
ความชัดเจนและเสียงประกอบที่เหมาะสมด้วย
เครื่องมือที่ใช้ในการนำเสนอผลงานนั้น
แต่เดิมมักใช้เครื่องฉายสไลด์และเครื่องฉายแผ่นใสเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันนี้นิยมใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องฉายภาพแอลซีดี
รูปแบบการนำเสนอที่ยังนิยมใช้กันมากคือ การนำเสนอแบบ Slide
Presentation โดยใช้โปรแกรม PowerPoint แต่มีแนวโน้มว่าการนำเสนอแบบ Web Pageอาจเข้ามาแทนที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น